บ้านอิฐแดงทรงกล่อง
ในเวียดนามก็เหมือนเมืองใหญ่อื่นๆ ที่มีปัญหาเมืองขยายไปบุกรุกพื้นที่ทางการเกษตรในชนบท ซึ่งกระทบโดยตรงต่อสภาพแวดล้อมและที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ เพราะพื้นที่เหล่านี้มีการปนเปื้อนและเสื่อมโทรมอย่างรุนแรงและค่อย ๆ ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ และระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ในบริบทของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ สถาปนิกในเวียดนามไม่น้อยจึงพยายามออกแบบบ้านที่ช่วยส่งเสริมการเกษตรในราคาที่จับต้องได้ และยังสอดคล้องกับสภาพอากาศในท้องถิ่นด้วย บ้านนี้ก็เป็นหนึ่งตัวอย่างของการร่วมด้วยช่วยกันแก้ปัญหาด้วยสถาปัตยกรรมที่เรียบง่ายและมีประสิทธิภาพดี
ออกแบบ : H&P Architects
เนื้อหา : บ้านไอเดีย
บ้านในเมือง Mao Khe ในจังหวัด Quang Ninh ออกแบบโดยสถาปนิก H&P เพื่อสร้างบ้านที่สามารถทำการเพาะปลูกได้แม้ไม่มีบริเวณ เนื่องจากพื้นที่เกษตรกรรมนับล้านเฮกตาร์ได้สูญเสียไปจากการขยายตัวของเมือง บ้านหลังนี้มีชื่อว่า AgriNesture (เกษตรกรรม + รัง) ประกอบด้วยสองส่วนหลัก คือ โครงและส่วนห่อหุ้ม ซึ่งสามารถใช้ได้ในพื้นที่เปราะบางที่แตกต่างกัน เช่น พื้นที่ชนบท พื้นที่น้ำท่วม และพื้นที่ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่ประชาชนมีรายได้น้อย กลุ่มของบ้านเหล่านี้ได้รับการจัดเรียงในรูปแบบต่างๆ ทำให้เกิดพื้นที่อันเงียบสงบแต่มีพื้นที่สำหรับทุกคน
AgriNesture ยังสามารถใช้เป็นบ้านสำหรับทุกคนในด้านการศึกษา สุขภาพ ชุมชน ฯลฯ บ้านที่นำเสนอนั้นเปรียบเสมือนก้อนดินที่ถูกตัดออกจากทุ่งนา ภายในลูกบาศก์นี้มีมุมต่างๆ ของรังที่เชื่อมต่อกับส่วนของสวนบนหลังคาด้านบนที่สามารถปลูกข้าว ปลูกผัก เอาไว้ทานเองได้ นอกจากนี้ยังมีระบบเก็บน้ำฝนและนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งหมายความว่าเจ้าของสามารถพึ่งตนเองได้บางส่วน
คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขยายใหญ่
บ้าน 2 ชั้น พื้นที่ 75 ตารางเมตร สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กและหุ้มด้วยอิฐแดง ออกแบบมาให้สามารถปรับแต่งต่อเติมได้ในอนาคต ในกรณีมีสมาชิกเพิ่มขึ้นจะขยายพื้นที่ใช้สอยภายในส่วนพื้นที่ว่างที่มีอยู่ หรือเพิ่มขึ้นไปเป็นบ้าน 3 ชั้นก็ได้ ส่วนของผนัง ประตู ฉากกั้น ที่จะประกอบเป็นตัวบ้าน จะสร้างด้วยวัสดุที่เป็นมิตรที่มีอยู่ในท้องถิ่น เช่น เถาวัลย์ ดินกระแทก อิฐ เป็นต้น โดยที่พยายามปล่อยให้วัสดุเผยความโดดเด่นตามธรรมชาติ ไม่ฉาบทับ ไม่ทาสี ซึ่งเป็นการลดงบประมาณในการก่อสร้างได้มากทีเดียว
ภายในบ้านเน้นเปิดโล่งทั่วภายในทั้งแนวนอนและแนวตั้ง โดยลดผนังแบ่งกั้นระหว่างห้องลง เชื่อมต่อสร้างสเปซขนาดใหญ่ในแนวนอน ทำให้การใช้งานระหว่างมุมนั่งเล่น ครัว และห้องทานอาหารมีความลื่นไหล ไม่รู้สึกว่าบ้านแคบ ส่วนแนวตั้งจะสร้างความต่อเนื่องด้วยการเจาะเพดานให้กลายเป็นโถงสูง (Double Space) ทั้งสองชั้นจะมีปฏิสัมพันธ์กันง่ายขึ้นผ่านช่องว่างนี้ และยังช่วยในเรื่องการไหลเวียนอากาศ การรับแสงเข้าสู่อาคารผ่านช่องแสง skylight ตรงโถงสูงนี้ด้วย
หลังคาบ้านเป็น Geen Roof ซึ่งมีส่วนช่วยให้อุณหภูมิภายในบ้านลดลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะมีดิน พืช น้ำ ที่ช่วยซึมซับความร้อนก่อนถ่ายเทลงสู่ตัวบ้าน อย่างไรก็ตามบ้านนี้ไม่ได้ปลูกต้นไม้เฉพาะบนหลังคาเท่านั้น การปลูกต้นไม้ยังคงดำเนินไปทั่วทั้งบ้าน โดยมีกระถางที่ทำจากคอนกรีตปลูกต้นไม้ในร่มอยู่ และต้นไม้สีเขียวที่คัดสรรแล้วว่าดูแลง่าย ห้อยแขวนลงมาจากเพดาน รอบๆ พื้นที่บ้านมีช่องรับแสงและหน้าต่างบานใหญ่ให้แสงแดดส่องเข้ามาในได้ในหลายๆ จุด บ้านจึงไม่ขาดแสงและไม่รู้สึกร้อน เป็นการออกแบบที่สอดคล้องกับสภาพอากาศร้อนชื้นที่เรียบง่ายแต่คิดมาอย่างดี
ผู้ใช้จะมีส่วนร่วมโดยตรงในกระบวนการสร้างบ้าน และจะแบ่งพื้นที่ตามความต้องการของตนเอง นอกจากนี้ยังเลือกวัสดุที่ห่อหุ้มบ้านให้เหมาะสมกับสภาพแต่ละท้องถิ่นอีกด้วย ในแง่นี้ กระบวนการสร้างจะช่วยสร้างงานและกำหนดรูปแบบบ้าน ซึ่งส่งเสริมการพัฒนาการเกษตร และนำมาซึ่งความสมดุลทางระบบนิเวศ ตลอดจนเสถียรภาพทางเศรษฐกิจสำหรับประชากรในพื้นที่เปราะบาง ดังนั้น AgriNesture จึงเป็น “บ้านสำหรับทุกคน” และสตูดิโอหวังว่าบ้านหลังนี้จะกลายเป็นแม่แบบสำหรับบ้านหลังอื่นๆ ที่มีพื้นที่ปลูกต้นไม้อยู่ด้านบน หรือจะปรับใช้ประโยชน์อาคารด้านอื่นๆ อาทิ บริการด้านการศึกษา สุขภาพ และชุมชนก้ได้เช่นกัน
แปลนบ้าน
