รีโนเวทอาคารเก่าเป็นโฮสเทล

บ้านเราช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ เราจะเห็นที่โฮสเทลสไตล์ฮิปๆ ผุดขึ้นมามากมาย แต่ละที่ดูสวยงามแปลกใหม่ชวนให้เข้าพัก โฮสเทลเหล่านี้จำนวนไม่น้อยปรับปรุงมาจากบ้านเก่า อาคารโบราณที่สร้างจิตวิญญาณใหม่ๆ ได้อย่างลงตัว ไม่เฉพาะในไทยเท่านั้น เพื่อนบ้านอย่างเวียดนามหรือในประเทศจีนก็มีเช่นเดียวกัน เนื้อหานี้บ้านไอเดียขอพาไปชม Harrierfall Hostel เพิ่งเสร็จสิ้นในปี 2020 ที่นี่อยู่ใกล้กับกำแพงเมืองจีน เป็นโรงแรมในบริบทแบบชนบทที่เก็บเอาพื้นที่ชีวิตและความทรงจำของเจ้าของไว้บางส่วน แล้วแต่งเติมใหม่เข้าไปให้บางมุมคล้ายกับ “สวนสนุก” มอบประสบการณ์การใช้ชีวิตที่น่าจดจำไม่เหมือนใคร

ออกแบบ : DL Atelier
ภาพถ่าย : Yumeng Zhu, Xi Youji Studio
เนื้อหา : บ้านไอเดีย

การปรับปรุงโดยพิจารณาจากประวัติศาสตร์ที่สำคัญของสถานที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวกำแพงเมืองจีนที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งมีอายุย้อนไปถึงสมัยราชวงศ์หมิง ระหว่างศตวรรษที่ 14 ถึง 17

จากภาพทางเข้าก่อนและหลังปรับปรุง จะเห็นตัวอาคารเดิมมีกำแพงปราสาทหินสูงสี่ถึงห้าเมตรมีประตูโค้งทางทิศใต้ ที่สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล ด้านหลังเป็นแนวทิวเขาสูงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ เพราะมีกำแพงเมืองจีนจากราชวงศ์หมิงอยู่ใกล้แค่เอื้อม เมื่อปรับปรุงใหม่จะเห็นห้องใต้หลังคาเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนหลังคาโผล่ขึ้นมาเป็นช่องแสงรูปสี่เหลี่ยม เหมือนล้อไปกับรูปร่างของกำแพงเมืองที่ผุดขึ้นมาจากยอดเขา

อาคารเก่าและลานโล่งขนาดใหญ่ตรงกลางก่อนปรับปรุงจะรู้สึกถึงความเรียบง่ายในรูปลักษณ์ วัสดุ รวมถึงความรู้สึกแห้งแล้งแข็งกระด้างของลานภายใน

โฮสเทล Harrierfall หลังรีโนเวทจะเห็นลานภายในที่เปิดโล่งโรยด้วยกรวดดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ตัวอาคารทั้งชั้นเดียวและสองชั้นได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงด้วยวัสดุร่วมสมัย โดยส่วนหน้าหุ้มด้วยแผ่นโลหะลูกฟูกและม่านเหล็กเจาะรูพรุน สลับกับกรอบประตูหน้าต่างไม้ จากลานบ้านเดิมที่ว่างเปล่าทีมงานสร้างชายคาของอาคารยืดออกไป เพื่อสร้างทางเดินที่กว้างขวางและเป็นจุดแวะพักนั่งเล่นหน้าห้อง หรือมานั่งชิงช้าเล่นได้ ส่วนของห้องพักตกแต่งผนังกระจกเต็มความสูงและประตูบานเลื่อนที่เพิ่มการเชื่อมต่อระหว่างภายในภายนอกได้ดีขึ้น

ภายในพื้นที่ใช้สอยส่วนที่ไม่ได้ถูกบังด้วยมุ้งลวดโลหะเจารู จะติดตั้งผ้าม่านที่มีลักษณะเลียนแบบรูปลอนของผนังลูกฟูก ทำให้ภาพรวมองค์ประกอบดูไหลลื่นไปด้วยกัน แม้จะเป็นคนละชนิดวัสดุก็ตาม

สถาปนิกอธิบายมุมมองเกี่ยวกับต้นกำเนิดของกำแพงเมืองจีนว่ามีที่มาจากการป้องกัน ‘อันตราย ‘ ทีมงานจึงพยายามผสานความรู้สึก ‘อันตราย’ เข้ากับพื้นที่ใหม่ ซึ่งแสดงออกได้ดีที่สุดผ่านบันไดภายนอก ที่สร้างขึ้นโดยใช้ไม้โครงหลังคาเก่าได้มาจากอาคารโบราณในบริเวณใกล้เคียง ค่อยๆ เรียงซ้อนลดหลั่นเหมือนน้ำตก ซึ่งสถาปนิกอธิบายว่า ‘ แม้ระยะห่างจะหว่างขั้นจะไม่ชัน ช่วงที่ขึ้นบันไดค่อนข้างง่าย แต่ขณะที่เดินลงบันไดผู้ใช้งานยังต้องค่อยๆ เดินลงไม่ให้ล้มและบาดเจ็บ’

จุดนี้ไม่เพียงแต่จะใช้สำหรับเดินขึ้นลงเท่านั้น แขกที่เข้าพักบางคนจะชอบมาปีนเล่น นั่งเล่นชมวิวรับลมตรงนี้ ความสวยงามของท่อนไม้ที่เรียงตัวขึ้นไปยังทำให้บันไดเสมือนเป็นงานประติมากรรมชิ้นใหญ่ที่ชวนให้ต้องโฟกัสสายตา สำหรับพื้นไม้สำหรับใช้งานภายนอกแม้จะเปียกน้ำ มีความชื้น ก็ยังลื่นน้อยกว่าวัสดุกระเบื้อง แต่ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการเดินขึ้นลง โดยจับที่ราวเหล็กรูปตัวยูที่ทำเอาไว้เป็นระยะ

ในส่วนของห้องพัก จะมีส่วนกลางที่ตกแต่งด้วยโทนสีครีมนวลๆ เพดานตีฝ้าเฉียงไปตามแนวหลังคา ทำให้รู้สึกถึงระยะห่างจากพื้นถึงเพดานที่มากขึ้น ในส่วนของฟังก์ชันประกอบด้วยส่วนรับประทานอาหาร และมุมพักผ่อนนั่งเล่น ซึ่งจะลดระดับให้จมลงเพื่อให้อยู่ใกล้ชิดกับพื้น เมื่อเข้ามาใช้งานมองเห็นวิวที่เงียบสงบจากหน้าต่าง วิธีการลดระดับพื้น เปลี่ยนมุมมอง และรับรู้ความงามภายนอกในแบบที่แตกต่าง ช่วยเพิ่มความรู้สึกอบอุ่นและถ่อมตัวไปพร้อมกัน

สำหรับห้องพักด้านบนจะได้รับอิทธิพลมาจากความเป็นญี่ปุ่น เห็นได้จากการปูพื้นด้วยเสื่อทาทามิ โต๊ะวางพื้นเตี้ยๆ เบาะนั่งกับพื้น เป็นการผสมผสานวัฒนธรรมที่ก่อให้เกิดความรู้สึกแบบ “หลีกหนีจากชีวิตประจำวัน” ของชาวจีนได้ในรูปแบบแสนธรรมดา

ห้องใต้หลังคาทาสีโทนชมพู มีช่องหน้าต่างเปิดวิสัยทัศน์ให้มองเห็นภูเขา ป่าไม้ กำแพงเมือง ได้ตลอดทั้งวัน

ในตอนเย็น เมื่อดวงอาทิตย์เริ่มอับแสงลง ผนังภายในสีชมพูจะสะท้อนแสงสี warm white ซึ่งทำให้ห้องใต้หลังคาดูเหมือนโคมไฟที่แขวนอยู่ เหมือนเรื่องราวของปรมาจารย์ Ye Wen ที่กลับมาบ้านตอนดึก เขามักจะเห็นแสงสว่างที่ภรรยาของเขาเปิดทิ้งไว้ ซึ่งหมายความว่ามีใครบางคนอยู่ที่นั่น นี่เป็นความเข้าใจถึงสัญญาณรอการกลับมาอย่างอบอุ่น