บ้านคอนกรีตฟาซาดบานไม้

บ้านในแต่ละภูมิภาคมีข้อดี ความด้อย ข้อจำกัดที่ต่างกัน ดังนั้นนอกจากรูปแบบบ้านที่ชอบแล้ว ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเรียนรู้บริบทโดยรอบก่อน ดูวัสดุที่เหมาะสม แล้วนำมาปรับให้เข้ากับความต้องการใช้ชีวิต อย่างเช่นบ้านที่สร้างอยู่ในแถบชายฝั่งควรเลือกวัสดุที่มีความทนทานต่อสภาพอากาศรุนแรง ทิศทางการรับแดด ทิศทางการรับลม มีพื้นที่วิ่งเล่นกลางแจ้งรับบรรยากาศได้เต็มที่ เหมือนบ้านหลังนี้ที่เป็นบ้านโมเดิร์นทรงกล่องจากคอนกรีตดูแข็งแกร่ง สร้างในพื้นที่ลาดเอียง แต่ไม่ทำลายหน้าดินแและแอบมีช่องว่างด้านใน ซึ่งน่าจะเป็นหนึ่งแนวคิดสำหรับคนสร้างบ้านที่มีข้อจำกัดคล้าย ๆ กัน

ออกแบบ : besoniasalmeida
ภาพถ่าย : Gustavo Sosa Pinilla
เนื้อหา : บ้านไอเดีย

บ้านคอนกรีต ลดความแข็งด้วยไม้และช่องว่าง

บ้านโมเดิร์นทรงกล่องนี้สร้างอยู่ใน Costa Esmeralda, Pinamar, บัวโนสไอเรส, อาร์เจนตินา พื้นที่ใช้สอย 153 ตร.ม. ลักษณะที่ดินที่ก่อสร้างตั้งอยู่ในเนินทรายที่ค่อย ๆ ลาดชันจากถนนสูงขึ้นไปทางด้านล่าง บริเวณนี้ยังมีต้นไม้ อาทิ ต้นสนทะเลมากมาย ซึ่งถูกรักษาเอาไว้ ดังนั้นสิ่งก่อสร้างในส่วนพื้นที่เหลือจะได้รับแสงแดดและลมชายฝั่งอย่างเต็มที่ ในภูมิอากาศแบบชายทะเลที่มีความรุนแรงทั้ง แดด ไอทะเล ลม อาคารจำเป็นต้องมีความแข็งแรง การเลือกใช้คอนกรีตเป็นทางเลือกที่ดี และต้องมีช่องว่างให้ลมผ่านเพื่อไม่ให้อาคารต้านลม จึงมีเปลือกบ้านบางส่วนที่เป็นระแนงไม้บานหมุนที่เรียงตัวเต็มพื้นที่ด้านหน้าอาคาร

คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขยายใหญ่

ระหว่างทางเข้าสู่ตัวบ้านสร้างซุ้มระแนงคอนกรีตคลุมอยู่ และวางแผ่นไม้ Quebracho ด้านล่างนำสายตาจากถนนเข้าสู่ตัวบ้าน โซนใช้งานส่วนตัวของบ้านตั้งอยู่ในด้านหน้า ที่เปลือกบ้านเป็นบานระแนงไม้เพื่อปกป้องจากดวงอาทิตย์แนวเหนือ-ใต้และจากมุมมองถนน

คอร์ทกลางบ้าน พื้นที่พักผ่อนของครอบครัว

บ้านหลังนี้ดูเหมือนเป็นหนังสือใหญ่ ๆ เล่มเดียวที่ถูกเจาะตรงกลาง เมื่อเดินจากซุ้มผ่านเข้ามาจึงจะเห็นว่าใจกลางบ้านเป็นคอร์ทยาร์ดขนาดใหญ่ ซึ่งทำหน้าเป็นพื้นที่พักผ่อนกลางแจ้งและแบ่งตัวบ้านออกเป็นสองส่วน แต่ละส่วนมองเห็นลานได้จากผนังกระจก ตัวอาคารใช้คอนกรีตเป็นวัสดุหลัก สูงจากพื้น 0.45 เมตรทำให้ดูเบาลอย

ผนังกระจกเชื่อมภายนอกภายใน

เจ้าของบ้านที่มีลูกสามคนต่างวัยจะมาครอบครัวมาหลังอยู่ที่นี่ในฤดูร้อน จึงต้องการพื้นที่นอกบ้านที่กว้างขวางในการทำกิจกรรมร่วมกัน สถาปนิกจึงใช้แนวคิดในการขยายตัวบ้านออกสู่พื้นที่กลางแจ้งที่จะช่วยให้เพลิดเพลินไปกับป่าและเชื่อมต่อระหว่างภายนอกภายในอย่างลื่นไหล ไม่ว่าจะอยู่จุดไหนก็ไม่ขาดการมีปฏิสัมพันธ์ โดยการใช้ผนังกระจกที่เปิดได้กว้างเป็นตัวช่วย ในโซนใช้ชีวิตส่วนรวม อาทิ ห้องนั่งเล่น ครัว พื้นที่ทานข้าว และระเบียง ออกแบบให้สัมพันธ์โดยตรงกับต้นไม้ที่อยู่ด้านหลังทั้งหมดของที่ดิน แต่ยังสัมผัสกับลานทางเข้า พื้นที่นี้กลายเป็นตัวชูโรงของบ้านที่นอกจากจะเชื่อมต่อพื้นที่ใช้ชีวิตเข้ากับธรรมชาติแล้ว ยังได้เห็นปรากฏการณ์ของแสงและเงาที่แตกต่างกันตามเส้นทางการเดินของดวงอาทิตย์ตลอดทั้งวัน

ในโซนส่วนรวมจัดพื้นที่แบบ open plan เป็นห้องโล่ง ๆ ใช้เฟอร์นิเจอร์เป็นตัวแบ่งขอบเขตการใช้งานที่แตกต่าง โดยไม่มีผนังกั้นแบ่งแต่ละส่วนใช้งานให้บ้านทึบ จึงได้ความลื่นไหลอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่แรก ด้านข้างเป็นผนังกระจกทั้ง 2 ด้านดูโปร่งเบาเหมือนไร้ผนัง สามารถออกไปใช้งานพื้นที่กลางแจ้งได้อย่างแนบสนิททั้ง 2 ด้าน

โชว์ผิวดิบ ๆ ผนังกระจกโปร่งเบา

แรงบันดาลใจของบ้านหลังนี้มากจากแนวคิดในการสร้างอาคารของ เลอ กอร์บูซีเย ที่เน้นนำเสนอความหยาบของผิววัสดุโครงสร้างแบบดิบ ๆ อย่าง คอนกรีตเปลือยที่เห็นริ้วลายแม่แบบหรือรูน็อตแบบไม่ต้องฉาบทับหรือทาสี บ้านนี้จึงเหมือนนำแผ่นคอนกรีตขนาดใหญ่ 2 แผ่นวางขนานกันคั่นกลางด้วยแผ่นกระจก หลังคาแบนสามารถใช้พื้นที่บนหลังคาเป็นดาดฟ้าหรือจัดสวนนั่งเล่นได้

บ้านขนาด 3 ห้องนอนที่อยู่หลังม่านไม้ มีผนังกระจกอยู่ด้านในอีก 1 ชั้นเพื่อความปลอดภัย และสามารถเลือกเปิดออกรับลมได้ โดยที่ยังมีความเป็นส่วนตัวจากแผ่นระแนงไม้ที่เรียงตัวอยู่ด้านหน้า ภายในบ้านไม่ได้มีแต่โทนสีนิ่ง ๆ เรียบ ๆ อย่างสีเทาของคอนกรีตดิบๆ เท่านั้น แต่ในห้องเด็กก็ตกแต่งให้มีชมพู เหลือ เขียว แทรกแซมอยู่ สีสันสดใสให้ความรู้สึกสดชื่นกระตือรือร้นเหมาะกับวัย

ในอีกด้านหนึ่งของตัวบ้านจะเห็นความต่างระดับของที่ดินอย่างชัดเจน ซึ่งสถาปนิกไม่ได้ใช้วิธีปรับหน้าดินให้เท่ากัน แต่ใช้เสาเป็นตัวช่วยยกตัวอาคารให้อยู่ในระดับเดียวกับส่วนอื่น ๆ ทำให้ไม่ต้องเสียงบประมาณในการปรับพื้นที่ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมเดิม และยังได้ประโยชน์จากช่องว่างระหว่างพื้นกับอาคารที่มากขึ้น สามารถใช้เป็นพื้นที่นั่งเล่น เก็บของ หรือปล่อยให้ลมพาดผ่านลดความชื้นใต้อาคารได้อีกด้วย