SCG Active AIR Quality
จำเป็นแค่ไหนกับการปรับคุณภาพอากาศภายในบ้านในปัจจุบัน? ถ้าเป็นสมัยก่อนคนอาจไม่ได้ให้ความสำคัญกับคุณภาพอากาศภายในบ้านมากนัก เพราะอากาศดี ๆ ยังมีให้สูดหายใจอยู่ทั่วไป หากนอกบ้านมีควันจากยานยนต์หรือฝุ่น ก็ยังสามารถหลบภัยเข้ามาอยู่ในบ้านได้ แต่ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้มลพิษทางอากาศรุนแรงขึ้น ทั้งจากอุตสาหกรรม การจราจร และที่หนักหนาที่สุดคือหมอกควันจากการเผา ทำให้เกิดการกระจายของฝุ่น PM2.5 ไปทุกที่จนหายใจแทบไม่ได้ แม้แต่บ้านก็ไม่ใช่ Safe Zone อีกต่อไป
การปรับคุณภาพอากาศสำหรับหายใจจึงกลายเป็นเรื่องเร่งด่วน ซึ่งแน่นอนว่าอากาศภายนอกอาคารนั้นควบคุมได้ยาก แต่อากาศภายในบ้านเราสามารถควบคุมได้ผ่านหลาย ๆ ตัวช่วย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องฟอกอากาศหรือเครื่องเติมอากาศดี หลายคนอาจจะมีคำถามด้วยความสงสัยว่า สองเครื่องดังกล่าวเป็นสิ่งเดียวกันหรือไม่ ถ้าไม่ใช่แล้วทำงานต่างกันอย่างไร เนื้อหานี้มีคำตอบมาฝากกันครับ
สนับสนุนโดย: SCG Smart Living
เนื้อหา : บ้านไอเดีย
เครื่องเติมอากาศดี ไม่ใช่เครื่องฟอกอากาศ
ใช่แล้วครับ เครื่องเติมอากาศดีนั้นไม่ใช่เครื่องฟอกอากาศ แม้ทั้งสองอย่างจะมีคุณสมบัติในการกรองอากาศเหมือนกัน แต่รายละเอียดการทำงานมีจุดที่แตกต่างกันอย่างมาก เครื่องฟอกอากาศ (Air purifier) จะทำงานโดยใช้หลักการว่า ภายในห้องหรือบ้านมีฝุ่นหรือสิ่งสกปรกในอากาศอยู่แล้ว เมื่อเปิดเครื่องฟอกพัดลมจะทำหน้าที่ดึงอากาศเสียเหล่านั้นผ่านแผ่นกรองก่อนปล่อยอากาศที่กรองแล้วออกมา ทำให้อากาศภายในบ้านสะอาดขึ้น แต่หากค่าฝุ่น PM2.5 สูงมาก ๆ อาจต้องเพิ่มจำนวนเครื่องให้ทำงานร่วมกัน แต่อย่าลืมว่าเรายังคงสูดอากาศเก่าในห้องอยู่ และทำให้ CO₂ ในห้องสะสมมากขึ้น ส่งผลให้ง่วงนอน ไม่สดชื่นตามมา ซึ่ง CO₂ จะเจือจางลงก็ต่อเมื่อเปิดประตูหรือหน้าต่างเพื่อระบายอากาศเสียออก แต่ก็ทำให้ฝุ่นเข้ามาในบ้านเพิ่มอีก เป็นปัญหาไม่รู้จบ
สำหรับเครื่องเติมอากาศดี ดูคุณสมบัติเผิน ๆ อาจเหมือนเครื่องฟอกอากาศ แต่ใช้หลักการทำงานเป็นระบบที่แตกต่าง เริ่มจากการดึงอากาศภายนอกเข้ามาในบ้าน ผ่านตัวกรองหลายชั้น ช่วยกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 กรองกลิ่นจากสารอินทรีย์ และฆ่าเชื้อไวรัส แบคทีเรียต่าง ๆ ก่อนปล่อยอากาศเข้าสู่ภายในบ้าน เมื่อเครื่องเติมอากาศทำงานต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ จะทำให้เกิดอากาศแรงดันบวก (positive pressure) ซึ่งจุดนี้คือไฮไลท์สำคัญที่เครื่องฟอกอากาศไม่มี แรงดันอากาศในบ้านที่สูงกว่านอกบ้าน จะทำให้อากาศเสียหรือฝุ่นถูกดันออกทางขอบประตูหน้าต่าง อากาศเสียและฝุ่นใหม่จะเข้ามาได้ยาก เป็นการป้องกันฝุ่นตั้งแต่ต้นทาง ไม่ต้องรอให้มีฝุ่นก่อนแล้วจึงฟอกอากาศ และสิ่งนี้จะทำให้เราได้รับอากาศใหม่ที่สะอาดตลอดเวลา
เติมอากาศดีใน 3 ขั้นตอน SCG Active AIR Quality
เห็นความแตกต่างระหว่างเครื่องฟอกอากาศกับเครื่องเติมอากาศดีกันไปแล้ว ซึ่งเครื่องเติมอากาศดีที่เราได้ยินคุ้นหูกัน อย่างเช่น SCG Active AIR Quality เป็นระบบการสร้างคุณภาพอากาศภายในบ้านให้สะอาดและปลอดภัยสำหรับการหายใจ โดยใช้หลักการอย่างที่กล่าวมาข้างต้น ผ่าน 3 ขั้นตอนเติมอากาศดีภายในบ้าน
ดึงอากาศใหม่จากภายนอก กรองสิ่งปนเปื้อนด้วยฟิลเตอร์คุณภาพสูง 5 ชั้น
เริ่มจากทำงานโดยการดึงอากาศใหม่ภายนอกเข้ามาในบ้านผ่านช่องเติมอากาศติดผนัง ซึ่งอากาศภายนอกที่อาจประกอบไปด้วยฝุ่นละอองขนาดใหญ่ ขนาดเล็ก สิ่งปนเปื้อนในอากาศ เชื้อโรคต่าง ๆ จะต้องผ่านด่านตัวกรอง (Filter) ที่มีประสิทธิภาพถึง 5 ชั้น เป็นการกรองอากาศให้สะอาดตั้งแต่ก่อนเข้าสู่ตัวบ้าน
ระบบการทำงานของตัวกรอง (Filter) ใน SCG Active AIR Quality
• ชั้นที่ 1 Fresh Air Shield เป็นด่านแรกในการกรองฝุ่นหรือสิ่งแปลกปลอมที่มีขนาดใหญ่
• ชั้นที่ 2 Coarse Filter ทำหน้าที่ดักจับอนุภาคเศษผงขนาดใหญ่ เช่น ฝุ่น เส้นผม ขนสัตว์ ตลอดจนสัตว์ขนาดเล็ก
• ชั้นที่ 3 Carbon Filter ช่วยป้องกันไม่ให้กลิ่นจากภายนอกที่เป็นกลิ่นจากสารอินทรีย์ เช่น กลิ่นขยะ กลิ่นควันรถ กลิ่นควันไฟ รวมถึงยับยั้งไม่ให้อนุภาคสารเคมีอันตราย ซึ่งอาจก่อให้เกิดมะเร็งเข้าสู่บ้านได้
• ชั้นที่ 4 HEPA H13 Filter แผ่นกรองอากาศคุณภาพสูง สามารถกรองฝุ่นโมเลกุลขนาดเล็กกรอง PM 2.5 เชื้อโรค แบคทีเรีย ไวรัส รวมถึงไวรัสกลุ่มโคโรน่าได้ 99.97%
• ชั้นที่ 5 แผ่นกรองเคลือบสารยับยั้งเชื้อไวรัสโคโรน่า SARs-CoV-2 สามารถกำจัดเชื้อ SARs-CoV-2 สาเหตุของโรค Covid-19 ได้ 99% ภายใน 5 นาที
ทั้งนี้ เครื่องเติมอากาศดี SCG Active AIR Quality ในรุ่นท๊อป อย่าง XA150i ยังเพิ่มตัวกรองมากขึ้นอีก 1 ชั้น ได้แก่ Medium Filter ที่มีคุณสมบัติช่วยดักจับอนุภาคขนาดกลาง ทำให้ประสิทธิภาพการกรองทำได้ดียิ่งขึ้นไปอีก
เติมออกซิเจนภายในบ้าน
ทำไมต้องเติมออกซิเจนในบ้าน? ปกติเราทราบกันอยู่แล้วว่าเราได้รับออกซิเจนจากภายนอกเข้ามาผ่านการเปิดประตู หน้าต่างให้อากาศไหลเวียนเข้ามาภายในบ้าน แต่หากในช่วงที่เราต้องการหนีจากฝุ่นควัน เราก็มักจะปิดประตูหน้าต่างเพื่อหลีกเลี่ยงฝุ่นควัน และอย่างที่ทราบกันดีว่าจากการหายใจของเรา เมื่อเราหายใจเข้าก็จะสูดออกซิเจน หรือ O₂ เข้าไป แล้วหายใจออกมาเป็น CO₂ หากเราอยู่ภายในบ้านที่อากาศไม่ถ่ายเท จะทำให้ปริมาณออกซิเจนเบาบางลง สวนทางกับคาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่มขึ้น ยิ่งบ้านที่มีสมาชิกหลายคนก็จะมีการสะสมของก๊าซ CO₂จนอาจเกินมาตรฐานที่ 1,000 PPM ได้ ซึ่งหากค่า CO₂ ยิ่งสูงและสะสมต่อเนื่องจะส่งผลต่อพัฒนาการด้านสมอง การนอนหลับที่ไม่มีคุณภาพ และไม่สดชื่นเมื่อตื่นนอน รวมถึงระหว่างวันอาจมีอาการเวียนศีรษะร่วมด้วย จึงต้องเพิ่มการหมุนเวียนของอากาศในบ้าน โดย SCG Active Air Quality จะช่วยเติม O₂ จากอากาศภายนอกเข้าสู่ตัวบ้านเรื่อย ๆ รักษาระดับออกซิเจนในบ้าน พร้อมกับดันก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกไปด้วยหลักการห้องแรงดันบวก
สร้างอากาศดีด้วยแรงดันบวก ดันอากาศเสียให้ออกไป
การสร้าง Positive Pressure ด้วยหลักการเดียวกับห้องปลอดเชื้อ เมื่อเครื่องเติมอากาศใหม่เข้ามาเรื่อย ๆ ในห้องปิด จะทำให้ห้องมีแรงดันอากาศสะสมเพิ่มขึ้น จนอากาศภายในบ้านมีแรงดันเป็นบวก ซึ่งแรงดันอากาศภายในที่มากกว่านอกบ้านนี้ ก็จะดันอากาศเสียคงค้างออกจากบ้านตามช่องว่างต่าง ๆ อาทิ ขอบประตูหน้าต่างตลอดเวลา ทำให้ฝุ่น เชื้อโรค สิ่งปนเปื้อนจากภายนอกบ้านแทรกซึมเข้าสู่ตัวบ้านได้ยาก ซึ่งมีผลทดสอบการทำงานของระบบ SCG Active Air Quality ให้เห็นชัด ๆ ว่าสามารถลดสิ่งที่เป็นมลพิษในอากาศได้อย่างไรบ้าง
จากภาพข้างบนจะเห็นได้ว่า บ้านที่ไม่ได้ติดตั้ง SCG Active Air Quality และไม่มีระบบ Positive Pressure ฝุ่น มลภาวะ เชื้อโรค ไวรัส แบคทีเรีย ยังสามารถเข้าสู่บ้านได้ตามช่องว่างต่าง ๆ เช่น ขอบประตู ขอบหน้าต่าง แม้จะปิดประตู หน้าต่างก็ตาม ส่วนบ้านที่เป็นระบบปิดติดตั้ง SCG Active Air Quality ที่มีระบบ Positive Pressure อากาศภายในบ้านมีแรงดันเป็นบวก ดันอากาศเสียคงค้างภายในออกจากบ้านตามช่องว่างต่าง ๆ ตลอดเวลา ทำให้ฝุ่นเชื้อโรคจากภายนอกบ้านซึมเข้าสู่ภายในบ้านได้ยาก
ลดฝุ่น PM 2.5 อย่างมีประสิทธิภาพจนไม่เห็นฝุ่น จากการทดสอบประสิทธิภาพการกรองฝุ่น PM 2.5 ของ SCG Active Air Quality (ในพื้นที่ปิด 40 ตร.ม.) พบว่าเมื่อเปิดระบบค่า PM 2.5 จะลดลงจาก 150 µg/m3 เหลือเพียง 25 µg/m3 หรือระดับ Healthy Level ในเวลา 53 นาทีเท่านั้น
ระดับคาร์บอนไดออกไซด์ CO₂ ที่อยู่ในเกณฑ์ปกติเหมาะสมกับการอยู่อาศัย คือต่ำกว่า 1,000 PPM ถ้าระดับ CO₂ อยู่ระหว่าง 1,000 ถึง 2,500 PPM จากกราฟการทดสอบประสิทธิภาพการลด CO₂ ของ SCG Active Air Quality (ในพื้นที่ปิด 40 ตร.ม.) พบว่า เมื่อเปิดระบบค่า CO₂ จะค่อย ๆ ลดลงจาก 1,900 PPM เหลือ 600 PPM ในเวลา 64 นาที (ขึ้นอยู่กับรุ่น) และรักษาระดับให้ไม่เกิน 1,000 PPM ทำให้สดชื่น กระปรี้กระเปร่า ไม่ง่วงนอน ลดความเสี่ยงภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ
SCG Active Air Quality มีให้เลือกทั้งหมด 6 รุ่น แบ่งเป็นหมวดใหญ่ได้ 2 หมวด ดังนี้ หมวดทั่วไป ได้แก่ รุ่น CM 150o Series เครื่องขนาด 56×31×16 cm., รุ่น CA 150o Series เครื่องขนาด 56×31×16 cm., รุ่น CA 180i Series เครื่องขนาด 30×34.6×19 cm. และหมวด ERV เพื่อปรับลดอุณหภูมิของอากาศภายนอกลงก่อนเข้าบ้าน เหมาะกับบ้านที่เปิดเครื่องปรับอากาศตลอดทั้งวัน ได้แก่ รุ่น XM 100i Series เครื่องขนาด 33x44x23 cm., รุ่น XM 60i Series เครื่องขนาด 24×26×50 cm., รุ่น XA 150i Series เครื่องขนาด 45x66x16 cm.
โดยหลักการใช้งานจะติดตั้ง 1 เครื่อง ต่อ 1 ห้องปิดขนาดไม่เกิน 40 ตรม. กรณีพื้นที่ใหญ่กว่า สามารถใช้งานโดยใช้จำนวนเครื่องเพิ่มขึ้น หรือหากใช้จำนวนเท่าเดิม ระบบยังคงสามารถทำให้อากาศสะอาดได้ โดยใช้เวลาเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 ชม.
ทั้งนี้เครื่องเติมอากาศดี SCG Active Air Quality ยังสามารถควบคุมการทำงานได้ที่เครื่อง รีโมทคอนโทรล หรือติดตามการทำงานของระบบแบบ Real time ผ่าน Application ในสมาร์ทโฟนได้ ทำให้ชีวิตสะดวกขึ้น เมื่อกลับถึงบ้านก็พร้อมสูดอากาศบริสุทธิ์ได้ในทันที
สำหรับผู้อ่านท่านใดสนใจติดตั้งเครื่องเติมอากาศ SCG Active AIR Quality เพื่อให้บ้านเต็มไปด้วยอากาศสะอาด หายใจเข้าได้สบายโดยไม่ต้องกังวลเรื่องฝุ่น PM2.5 และเชื้อโรคต่าง ๆ สามารถติดต่อสอบถาม หรือเข้าชมระบบตัวอย่างได้ที่ได้ที่ SCG Experience, SCG Home Solution มีผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาและให้บริการแบบครบวงจร ตั้งแต่การสำรวจหน้างาน ประเมินราคา ตลอดจนการติดตั้งที่รวดเร็วได้มาตรฐาน
รายละเอียดเพิ่มเติม
เว็บไซต์ : SCG Smart Living | โทร. : 02-586-2222
