
Mid Century Modern
Squire House เป็นบ้านยุค Mid Century สร้างขึ้นในปีพ. ศ. 2496 (ปีค.ศ. 1953) ผลงานออกแบบชิ้นเอกของ Pierre Koenig สถาปนิกชาวอเมริกันและศาสตราจารย์ด้านสถาปัตยกรรมที่ University of Southern California ซึ่งทำการทดลองสร้างบ้านจาก เหล็ก คอนกรีต และกระจก นำเอาธรรมชาติของหุบเขา ต้นสน และเส้นทางเดินป่ามาหลอมรวมเข้ากับสถาปัตยกรรมได้อย่างลงตัว ให้สัมผัสที่นุ่มนวล เรียบง่าย และสง่างามในคราวเดียว
ที่มา : Dwell
ถ่ายภาพ : Geoffrey Yale
เนื้อหา : บ้านไอเดีย
คลิกที่ภาพ เพื่อรับชมภาพขยายใหญ่
บ้านชั้นเดียวที่ดึงธรรมชาติให้แนบชิด
สร้างในย่าน Alta Canyada ของ La Cañada Flintridge รัฐแคลิฟอร์เนีย Pierre Koenig ดีไซน์อาคารให้เป็นกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้ากว้างเหมือนศาลา ผนังด้านหน้าปิดทึบเป็นส่วนตัว ด้านในโปร่งสว่างจากผนังกระจกมองเห็น Living space ที่ถูกกรอบบ้านสีดำทำให้มองดูเหมือนมีทั้งหมด 5 ห้อง แต่จริง ๆ แล้วภายในประกอบด้วย 3 โซนหลัก ๆ ที่จัดแปลนแบบเปิดเชื่อมต่อกันหมด ผนังกระจกใสเป็นตัวกลางเบลอขอบเขตระหว่างบ้านกับบริบทแวดล้อมภายนอก ภาพรวมของบ้านจึงสะท้อนถึงปรัชญาของ Koenig ในการผสมผสานการออกแบบเข้ากับธรรมชาติได้อย่างชัดเจน
บ้านยุคเก่าแต่กี่สมัยก็โมเดิร์น
บ้านนี้ผ่านการ remodels หลายครั้งตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา แต่รายละเอียดดั้งเดิมในจุดที่สำคัญและเป็นเอกลักษณ์ยังคงอยู่ และเปลี่ยนแปลงในส่วนที่ต้องการให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตใหม่ ๆ มากขึ้น เช่น ส่วนหน้าบ้านติดถนนจากผนังบ้านไม้ตีแนวทแยงทาสีอิฐตรงประตูโรงรถ ผนังก่ออิฐฉาบหยาบ ๆ ทาสีขาวทางด้านขวา กลายเป็นบ้านโทนสีขาวตัดเส้นสีดำที่ดูทันสมัยขึ้น และเปลี่ยนจากผนังอิฐมาเป็นวัสดุโปร่งแสงทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกว่าไม่ได้ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเสียทีเดียว
เข้าสู่ภายในบ้านจะเผยให้เห็นพื้นกระเบื้องหินเดิม ผนังติดบานแบบเลื่อนให้ความเป็นส่วนตัวสำหรับโฮมออฟฟิศขนาดเล็ก สถาปนิกใช้งานไม้จริงมาตัดขอบพื้นหินและผนังสีขาว ทำให้เห็นเส้นสายกรอบพื้นที่บ้านชัดเจน คงความรู้สึกอบอุ่นแบบร่วมสมัยแอบมีกลิ่นอายบ้านญี่ปุ่นเล็ก ๆ ด้วยการตกแต่งประตูบานเลื่อนเป็นช่อง ๆ กรุวัสดุสีขาวคล้ายประตูโชจิที่กรุด้วยกระดาษสา บนเพดานเจาะช่องสี่เหลี่ยมใส่ช่องแสง skylight รับแสงเข้าสู่กลางบ้านจากด้านบน
ทุกห้องต้องได้เห็นธรรมชาติ
ผนังก่ออิฐโชว์แนวทาสีขาวเพิ่มบรรยากาศความ Homey ที่ทันสมัยขึ้น ในผนังซ่อนเตาผิงก่ออิฐสูงเต็มพื้นที่อยู่อยู่ในห้องนั่งเล่นรับแขก ที่เชื่อมต่อกับ มุมพักผ่อนส่วนตัว มุมทานอาหารและครัว ผนังกระจกครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดยาวเรียงหน้ากระดานสร้างการเชื่อมต่อกับสวนและทิวป่า ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนก็มองเห็นความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติได้เท่า ๆ กัน ซึ่งเป็นความตั้งใจที่สถาปนิกอธิบายไว้ในผลงานศิลปะและสถาปัตยกรรมว่า “ห้องพักทุกห้องต้องมีความต่อเนื่องกับกิจกรรมกลางแจ้ง”
ห้องนอนผนังโปร่งแสงล้อมสวนส่วนตัว
ห้องนอนที่เต็มไปด้วยความโปร่งสว่างจากผนังบานกระจกใสที่เปิดออกไปรับอากาศบริสุทธิ์จากสวนส่วนตัว ทำให้ห้องนอนผ่อนคลายกว่าที่เคย ปลายเตียงตกแต่งด้วยกระจกเงาที่ส่องสะท้อนห้องให้ยิ่งดูกว้างและหรูหราขึ้นอีกนิด สำหรับบริเวณนั่งเล่นกลงแจ้งแบบส่วนตัวในห้องนอนนี้ล้อมรอบด้วยผนังโปร่งแสงโครงเหล็ก ซึ่งหากยังจำกันได้จะคุ้น ๆ ว่าผนังแบบนี้อยู่ในส่วนหน้าบ้านที่ปรับปรุงใหม่ ทำให้คนในห้องพอมองเห็นความเคลื่อนไหวของผู้คนที่ผ่านไปมาได้
บ้านไอเดียแชร์ไอเดีย : วัสดุสร้างผนังในยุคก่อน ๆ มีให้เลือกไม่มากนัก โดยมาจะเป็นการก่ออิฐฉาบทาสีหรือกระจก ซึ่งอาจจะทึบไปหรือใสไปตอบโจทย์ได้ม่ครบที่ต้องการ แต่ในยุคนี้มีการพัฒนาวัสดุใหม่ ๆ มาให้เลือกใช้เป็นไอเดียสร้างพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น เช่น ผนังโปร่งแสงแต่ไม่โปร่งใสที่อนุญาตให้แสงส่องผ่านได้บางส่วน แต่ไม่สามารถมองทะลุได้ จะลดการรบกวนความเป็นส่วนตัวในกรณีที่บ้านอยู่ติดถนนใหญ่ ในขณะที่ยังคงรู้สึกมีส่วนร่วมกับโลกภายนอกอยู่ วัสดุโปร่งแสงที่มีความแข็งแรง ใช้ทดแทนการทำผนังก่ออิฐฉาบปูนได้ เช่น กระจกฝ้า บล็อกแก้ว โพลีคาร์บอเนต ไฟเบอร์กลาส อะคริลิก เป็นต้น |
แปลนบ้าน